สวน เค็นโรคุเอ็น Kenrokuen (兼六園) เป็นสวนที่มีภูมิทัศน์ที่สวยงามและโด่งดังที่สุดของญี่ปุ่น ในเมืองคานาซาวะ ได้รับการจัดให้เป็นหนึ่งใน “สวนภูมิทัศน์ที่สวยงามที่สุด 1 ใน 3 แห่งของญี่ปุ่น” ควบคู่ไปกับสวน Kairakuen ที่ Mito และ Korakuen ที่ Okayama พื้นที่อันกว้างขวางซึ่งเคยเป็นสวนด้านนอกของปราสาทคานาซาว่า และก่อสร้างโดยตระกูลมาเอดะที่ปกครองในช่วงเวลาเกือบสองศตวรรษ เค็นโรคุเอ็น เปิดให้สาธารณชนเข้าชมในปี 1871 มีต้นไม้ดอกหลากหลายชนิดซึ่งทำให้สวนมีรูปลักษณ์ที่แตกต่างกันไปในแต่ละฤดูกาล
ชื่อเค็นโรคุเอ็น (Kenrokuen) มีความหมายตามตัวอักษรว่า “สวนแห่งส่วนย่อยทั้งหก” ซึ่งหมายถึงความกว้างขวาง ความสันโดษ ความเทียม ความเก่าแก่ น้ำที่อุดมสมบูรณ์ และทัศนียภาพอันกว้างไกล ซึ่งตามทฤษฎีภูมิทัศน์ของจีนคือคุณลักษณะสำคัญ 6 ประการที่ประกอบกันเป็นสวนที่สมบูรณ์แบบ การเดินเล่นรอบๆ สวน เค็นโรคุเอ็น มีภูมิทัศน์ที่สวยงามและโด่งดังที่สุดของญี่ปุ่น เค็นโรคุเอ็นได้รับการจัดให้เป็นหนึ่งใน “สวนภูมิทัศน์ที่สวยงามที่สุด 1 ใน 3 แห่งของญี่ปุ่น” จะช่วยให้เข้าใจทฤษฎีภูมิทัศน์นี้ เนื่องจากพื้นที่เต็มไปด้วยแหล่งน้ำ สะพาน โรงน้ำชา ต้นไม้ ดอกไม้ หิน และจุดชมวิว
แหล่งน้ำในสวนถูกผันมาจากแม่น้ำด้วยระบบน้ำที่ซับซ้อนซึ่งสร้างขึ้นในปี 1632 เพื่อป้อนให้กับลำธารและสระน้ำต่างๆ ของเค็นโรคุเอ็นรวมทั้งสระน้ำหลักสองแห่งในสวนคือ Kasumigaike และ Hisagoike โคมไฟโคโตจิโทโระที่มีความสูงกว่า 2 เมตร สร้างขึ้นอย่างมีเอกลักษณ์ด้วยขา 2 ข้างแทนที่จะเป็นขาเดียว ตั้งอยู่ที่ริมฝั่งทางเหนือของสระน้ำคาสุมิกะอิเคะ และเป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นของสวน นอกจากนี้ น้ำพุใต้สระ Kasumigaike ยังเป็นหนึ่งในน้ำพุที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น และขับเคลื่อนโดยความสูงที่ลดลงจากบ่อซึ่งทำให้น้ำพุ่งออกมาสูง 3.5 เมตร ในขณะเดียวกัน สระ Hisagoike ที่อยู่ใกล้เคียงก็มีน้ำตกจำลองให้ได้ชมความสวยงามอีกด้วย
ข้อมูลยาวไป เลือกอ่านตามหัวข้อได้เลย
เที่ยวสวนเค็นโรคุเอ็น ช่วงไหนดี
ในฤดูใบไม้ผลิ นักท่องเที่ยวสามารถชมดอกบ๊วยได้ทางตอนใต้สุดของสวน โดยบานในช่วงประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์ถึงสิ้นเดือนมีนาคม ก่อนที่ฤดูดอกซากุระจะเริ่มต้นขึ้น ต้นซากุระซึ่งมักจะบานสะพรั่งรอบๆสวน ประมาณกลางเดือนเมษายน สามารถพบได้ตามลำธารทางฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของสวน นอกจากนี้ยังมีดอกไม้นานาพันธุ์ที่เติบโตในสวน ในช่วงฤดูร้อนที่อากาศอบอุ่น ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินเที่ยวชมพืชพรรณสีเขียวมากมายได้เช่นกัน
ในฤดูใบไม้ร่วง คุณสามารถชมสีสันของฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ซึ่งส่วนใหญ่มาจากต้นซากุระและต้นเมเปิล และมักจะเปลี่ยนสีตั้งแต่ประมาณกลางเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคม ต้นเมเปิลสีส้มและสีแดงส่วนใหญ่จะพบใกล้กับยามาซากิยามะทางฝั่งตะวันออกของสวนใกล้กับประตูโคดัตสึโนะ ในบริเวณเดียวกันนี้ นักท่องเที่ยวจะพบกับรูปปั้นทองสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่ของเจ้าชายในตำนาน ซึ่งเรียกว่าอนุสาวรีย์เมจิ รูปปั้นนี้อุทิศให้กับทหารที่เสียชีวิตในสงคราม Seinan ซึ่งเป็นสงครามกลางเมืองที่เกิดขึ้นหลังการฟื้นฟูเมจิ
ในฤดูหนาว หิมะที่โปรยปรายลงมาทำให้สวนมีรูปลักษณ์ที่สวยงามและแตกต่างตามฤดูกาล ต้นสนขนาดใหญ่หลายต้นในสวนมีการป้องกันฤดูหนาวแบบดั้งเดิมเพื่อป้องกันความเสียหายจากหิมะ สิ่งที่ควรสังเกตเป็นพิเศษคือต้นสนคาราซากิ ซึ่งเป็นหนึ่งในต้นไม้ที่โดดเด่นที่สุดของสวน ปลูกจากเมล็ด ตอนนี้มันตั้งตระหง่านอยู่ข้างบ่อน้ำ Kasumigaike โดยมีกิ่งก้านบางกิ่งยื่นออกไปไกลเหนือผิวน้ำ
เส้นทางเดินบางเส้นทางในสวนสาธารณะนำไปสู่พื้นที่สูงซึ่งผู้เข้าชมสามารถเห็นภาพรวมของสวนได้ นอกจากนี้ยังมีโรงน้ำชาในสวนที่ผู้เข้าชมสามารถดื่มชาและรับประทานขนมญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมได้ในขณะชมทิวทัศน์ ในที่สุด ทางเดินเท้าอันน่ารื่นรมย์ที่เรียงรายไปด้วยต้นซากุระ ร้านค้าและร้านอาหารตั้งอยู่นอกพื้นที่ชำระเงินของสวน ระหว่างประตูคัตสึราซากะและเร็นชิมอน ถนนแห่งนี้เป็นจุดพักผ่อนที่สวยงามเป็นพิเศษในฤดูใบไม้ผลิเมื่อดอกซากุระบาน
การเดินทางไปยัง เค็นโรคุเอ็น
เค็นโรคุเอ็นเป็นเส้นทางท่องเที่ยวและจุดแวะพักตาม Kanazawa Loop Bus สามารถขึ้นรถบัสได้บริเวณ Kenrokuen Exit การเดินทางจากสถานีคานาซาว่า ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ค่าใช้จ่าย 200 เยนต่อเที่ยว
อีกทางหนึ่งคือรถบัส Hokutetsu วิ่งระหว่างสถานีคานาซาว่า และเค็นโรคุเอ็น (15 นาที 200 เยนต่อเที่ยว) ลงที่ป้ายรถประจำทาง Kenrokuen-shita ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสวน นอกจากนี้ยังมีรถบัส JR 1-3 คันต่อชั่วโมงจากสถานีคานาซาว่า ซึ่งสามารถใช้ Japan Rail Pass ได้ รถบัสทุกคันออกจากทางออกทิศตะวันออกของสถานีคานาซาว่า (ทางออก Kenrokuen)
เวลาเปิด-ปิด
7:00 น. ถึง 18:00 น. (มีนาคม ถึง 15 ตุลาคม)
8:00 น. ถึง 17:00 น. (16 ตุลาคม ถึง กุมภาพันธ์)
ไม่มีวันหยุด
ค่าเข้าชม 320 เยน
